คำช่วย ( 助詞 / じょし ) เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นปวดหัวกันมานักต่อนัก และอาจเป็นหนึ่งในส่วนที่ยากที่สุดของไวยากรณ์แล้วก็ได้ครับ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจความหมายของคำช่วยญี่ปุ่น เพื่อเปลี่ยนจากเรื่องยาก ๆ ให้กลายเป็นเรื่องชิว ๆ กันครับ!
สารบัญคำช่วยญี่ปุ่น
คำช่วย は
は ใช้แสดง Topic ของประโยคหรือสิ่งที่ผู้พูดต้องการกล่าวถึง เช่น
さとうさんは日本人です。
คุณซาโต้เป็นคนญี่ปุ่นครับ
いつも晩ごはんは何を食べますか。
ข้าวเย็นปกติทานอะไรครับ
ปกติข้าวเย็น/มื้อเย็น (คุณ) ทานอะไรครับ
は ใช้ชี้สิ่งที่ยกมาเปรียบเทียบเพื่อแสดงความแตกต่าง โดยสิ่งที่ถูกเปรียบเทียบอาจไม่ปรากฏในประโยคก็ได้ เช่น
コンサートホール内はとても賑やかですが、外は静かです。
ข้างในโถงคอนเสิร์ตคึกคักมาก แต่ข้างนอกกลับเงียบสงบ
A : コーヒーを飲みますか。
รับกาแฟไหมคะ?
B : ありがとうございます。でも、夜は飲みません。
ขอบคุณนะครับ แต่ตอนกลางคืนผมไม่ดื่มครับ ( หมายความว่า ดื่มในเวลาอื่นได้ )
คำช่วย か
か เมื่อวางไว้หลังประโยคจะกลายเป็นประโยคคำถาม แต่เมื่อวางหลังคำแสดงคำถาม ( question word ) เช่น 何 (อะไร),どこ (ที่ไหน), だれ (ใคร) จะทำให้คำเหล่านี้กลายเป็น คำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ ซึ่งหมายถึงสิ่งที่ไม่เจาะจง ตัวอย่างคำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ ได้แก่ どこか = ที่ใดที่หนึ่ง / だれか = ใครบางคน
あの犬、どこかで見たことがある気がする。
รู้สึกว่าเคยเห็นสุนัขตัวนั้นที่ไหนสักแห่ง
何か温かい食べ物を食べますか。
ทานอะไรอุ่น ๆ ไหมครับ? (แปลตรงตัวได้ว่า ทานอาหารอุ่น ๆ อะไรสักอย่างไหมครับ?)
か ใช้เชื่อมตัวเลือกที่ผู้พูดยกขึ้นมา (ไม่อันนี้ ก็อันนั้น) เช่น
今度優勝(ゆうしょう)するのはAさんかBさんでしょう。
ผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้คงเป็นคุณ A หรือไม่ก็คุณ B นะครับ
明日か明後日、電話します。
ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้ จะโทรไปครับ
คำช่วย が
が ใช้ชี้ประธานของประโยคที่เป็นผู้กระทำกริยา เพื่ออธิบายสิ่งที่ตาเห็นหรือได้ยิน เช่น
空がきれいです。
ท้องฟ้าสวย
バスが来ました。
รถบัสมาแล้วครับ
が ใช้เชื่อมประโยคที่มีความหมายขัดแย้งกันหรือแสดงความแตกต่าง คล้ายคำว่า "แต่" ในภาษาไทย เช่น
単語を何度も書きましたが、覚えられません。
คัดคำศัพท์ซ้ำ ๆ มาหลายรอบแล้ว แต่ยังจำไม่ได้เลยครับ
この車はデザインは良くないですが、値段は高いです。
รถคันนี้ดีไซน์ไม่สวยเลย แต่ราคาแพง
が ใช้ชี้สิ่งที่ ชอบ(好き)ต้องการ(欲しい)หรือสามารถทำได้(できる) เช่น
私は動物が好きです。
ผมชอบสัตว์ครับ
Bさんは英語ができます。
คุณ B พูดภาษาอังกฤษได้ครับ
新しいスマホが欲しいです。
อยากได้โทรศัพท์มือถือ (สมาร์ตโฟน) เครื่องใหม่ครับ
คำช่วย に
に ใช้ชี้สถานที่ ที่อยู่ และ จุดหมายปลายทาง เช่น
ここに車を止めないでください。
โปรดอย่าจอดรถที่นี่
ラーヨンにはきれいなビーチがあります。
ที่ระยองมีชายหาดสวย ๆ
明日会社に行きます。
พรุ่งนี้จะไปบริษัทครับ
に ใช้ชี้เวลา เช่น
毎朝6時にジョギングします。
วิ่งจ็อกกิ้งทุกเช้าตอน 6 โมง
に ใช้ชี้การเปลี่ยนแปลง การตัดสินใจ และจุดประสงค์ของการกระทำ เช่น
先生が怒って、顔が真っ赤になったんだ。
ครูโกรธมากเสียจนหน้าแดงก่ำเลย
新しいプロジェクトのリーダーを山田さんに決めました。
เราได้เลือกคุณยามาดะเป็นหัวหน้าโครงการใหม่ครับ
映画を見に行きます。
ผมจะไปดูหนังครับ
に ใช้ชี้การเปรียบเทียบ และการลำดับ(列挙)เช่น
彼は兄に似ています。
เขาเหมือนพี่ชาย (เป็นการเปรียบเทียบว่า “เขา” มีหน้าตาเหมือนคนพี่)
今日のパーテイーへ来るのはAさんにBさんにCさんです。
คนที่จะมาปาร์ตี้วันนี้มีคุณ A คุณ B แล้วก็ คุณ C ครับ
คำช่วย で
で ใช้ชี้สถานที่ที่เกิดการกระทำ เช่น
このかばん、きれいですね。どこで買ったんですか。
กระเป๋าใบนี้สวยจังเลยนะครับ ซื้อจากที่ไหนหรือครับ?
アイコンサイアムでも年越しイベントを開催(かいさい)しました。
ที่ไอคอนสยามก็มีจัดงานปีใหม่ด้วยนะครับ
で ใช้แสดงเครื่องมือหรือวิธีการในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
船でサメット島へ行きます。
ไปเกาะเสม็ดด้วยเรือครับ
もう少し大きな声でお願いします。
ช่วยพูดดังขึ้นอีกนิดได้ไหมครับ
で บอกถึงสาเหตุหรือเหตุผล เช่น
すごい台風で、車が空に飛ばされてしまいました。
พายุไต้ฝุ่นแรงมากจนรถถูกพัดลอยขึ้นฟ้าไปเลย (บอกถึงสาเหตุที่รถหายไปว่าเป็นเพราะพายุไต้ฝุ่น หรือพายุไต้ฝุ่นเป็นนังตัวต้นเรื่องนั่นเอง)
Aさんはお仕事で日本へ行きました。
คุณ A ไปญี่ปุ่นเพราะเรื่องงานครับ (บอกถึงเหตุผลที่คุณ A ต้องไปญี่ปุ่น)
で ใช้บอกจำนวน เวลา คน ในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
このシャツを1万バーツでつい買っちゃった。
เผลอซื้อเสื้อเชิ้ตราคา 1 หมื่นบาทไปเสียแล้วครับ
その橋はたった1週間で、わずか10人で完成(かんせい)しました。
สะพานนั้นสร้างเสร็จในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ โดยใช้คนแค่ 10 คนเท่านั้นครับ
คำช่วย の
の ใช้เชื่อมคำนาม 2 คำเข้าด้วยกัน ในรูป NのN โดยคำนามตัวแรกจะขยายความหรือบอกรายละเอียดของคำนามตัวหลัง เช่น การบอกความเป็นเจ้าของหรือสังกัด และการบอกลักษณะหรือประเภท
初めまして、さくら会社のもりと申します。
ยินดีที่ได้รู้จักครับ โมริจากบริษัทซากุระครับ
それは僕のファッションの雑誌です。
นั่นคือนิตยสารแฟชั่นของผม
の ใช้วางหลังคำกริยาเพื่อแสดงอาการนาม ในกรณีนี้ の ทำหน้าที่เปลี่ยนคำกริยาให้กลายเป็นคำนาม เหมือนคำว่า "การ" หรือ "ความ" ในภาษาไทย เช่น
私はお茶を飲むのは好きです。
ฉันชอบการดื่มชาครับ
漢字を書くのはとっても難しいです。
การเขียนตัวอักษรคันจิยากมากครับ
の ใช้แทนคำนามที่ผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจตรงกัน (ในบางกรณี の สามารถแทนคำนามที่ไม่ได้กล่าวถึงชัดเจน แต่ผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจตรงกัน) เช่น
あの緑のをください。
ขออันสีเขียวอันนั้นครับ (ในกรณีนี้อาจหมายถึงกระเป๋า ขนม หรือสิ่งของ (คำนาม) อื่น ๆที่ผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจเหมือนกัน)
คำช่วย さえ
さえ มีความหมายว่า “แม้แต่” มักใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการเน้นย้ำว่าเรื่องนั้น ๆ ให้ความรู้สึกรุนแรงหรือเป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เช่น
この練習問題は小学生でさえできるよ。
แบบฝึกหัดนี้แม้แต่เด็กประถมยังทำได้เลย
昨日はとても疲れて、今日は歩くことさえできない。
เมื่อวานเหนื่อยมากจนวันนี้แม้แต่เดินก็ยังไม่ไหวเลย
คำช่วย ほど
ほど ใช้สำหรับบอกจำนวนโดยประมาณ (วางไว้หลังคำบอกจำนวนเพื่อบอกปริมาณคร่าว ๆ ) และใช้ยกตัวอย่างเพื่อใช้เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าเรื่องนั้น ๆ รุนแรงระดับไหน เช่น
相手チームのメンバー数は、私たちのチームの約2倍ほどです。
ทีมฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากกว่าทีมของเราประมาณ 2 เท่า
泣きたいほど悲さったです。
เสียใจจนอยากจะร้องไห้เลยครับ
ほど แปลได้อีกอย่างว่า “ไม่เท่า” ในประโยคปฏิเสธ เปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งไม่ได้มีระดับเท่ากับอีกสิ่งหนึ่ง เช่น
ここほど美味しいハンバーガーはないと思います。
ผมคิดว่าไม่มีแฮมเบอร์เกอร์ที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่เลยครับ
思ったほど辛くなかったです。
ไม่เผ็ดอย่างที่คิดครับ
เป็นยังไงบ้างครับ เริ่มเข้าใจความหมายและวิธีการใช้คำช่วยญี่ปุ่นใช้บ่อยในบทความนี้บ้างหรือยังครับ? อันที่จริงนอกจาก 8 คำช่วยนี้แล้ว ยังมีคำช่วยญี่ปุ่นคำอื่น ๆ อีกมากมายเลยนะครับ
สำหรับผู้ที่สนใจอยากซ่อมภาษาญี่ปุ่นของตัวเอง หรืออยากทำความเข้าใจกับคำช่วยภาษาญี่ปุ่นนอกเหนือจาก 8 คำช่วยญี่ปุ่นใช้บ่อยในบทความนี้ให้ดีมากยิ่งขึ้น ผมขอแนะนำคอร์สเรียน คอร์สซ่อมภาษาญี่ปุ่น ตอน เข้าใจคำช่วยญี่ปุ่น ครับ
ผู้ที่สนใจเรื่องน่ารู้ของประเทศญี่ปุ่นหรืออยากรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงานในประเทศญี่ปุ่นสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางด้านล่างครับ
สนใจการเรียนภาษาออนไลน์ สามารถดูคอร์สเรียนโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม ส.ส.ท. ได้ที่ www.tpaeduways.com