เข้าสู่เดือนที่มีเทศกาลวันฮาโลวีนทั้งที ถ้าไม่มีเรื่องผีญี่ปุ่นหรือตำนานเมืองมาเล่าก็ดูจะไม่เข้ากับบรรยากาศของเทศกาล
เรื่องผีญี่ปุ่นไม่ใช่ของแปลกสำหรับคนไทยผู้ชื่นชอบเรื่องลี้ลับ อันที่จริงตำนานเมือง นิทานพื้นบ้าน และเรื่องผีญี่ปุ่นบางเรื่องต้องเคยผ่านหูผ่านตาคนไทยบางส่วนบ้างแล้วแน่ ๆ
หากให้ยกตัวอย่างตำนานเมืองของญี่ปุ่นที่คนไทยน่าจะรู้จักกันก็ต้องนึกถึง “สาวปากฉีก” 口裂け女 (kuchisake onna) แม้จะไม่รู้ว่าชื่อนี้มาจากตำนานเมืองของญี่ปุ่น แต่ก็ต้องเคยได้ยินหรือได้เห็นชื่อนี้กันบ้างไม่มากก็น้อย
หรือถ้าให้นึกถึงเรื่องผีญี่ปุ่น บางคนก็จะนึกถึงชื่อของ “ซาดาโกะ” 貞子 (sadako) หญิงสาวชุดขาวที่คลานขึ้นมาจากบ่อน้ำ ที่เคยเป็นหนังผีเขย่าขวัญเด็กไทยทำให้ไม่กล้าเปิดเครื่องเล่นวิดีโอ
ต้องบอกว่าคนญี่ปุ่นเองก็ชอบเรื่องสยองขวัญ ตํานานปรัมปรา และภูติผีมากเช่นกันครับ จะเห็นได้จากทั้งเรื่องเล่า ภาพวาด และนิทานพื้นบ้านต่าง ๆ ล้วนต้องมี “โยไค” 妖怪 (youkai) หรือเทพเทวดาเป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น
และคนญี่ปุ่นยังนิยมเล่าเรื่องผีในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย ในบทความนี้จะพาไปรู้จักกับเรื่องผีที่มาจากตำนานเมือง เรื่องเล่า และอินเทอร์เน็ตกันครับ
สารบัญเรื่องผีญี่ปุ่น
ดินสอเทียนสีแดง
ตำนานเมือง – 赤いクレヨン (akai kureyon)
สามีภรรยาคู่หนึ่งมีความฝันที่อยากจะมีบ้านเป็นของตนเอง และพวกเขาก็ได้พบกับบ้านมือสองหลังหนึ่ง
ถึงแม้จะเป็นบ้านมือสองแต่สภาพก็เกือบเหมือนอาคารใหม่ อีกทั้งยังราคาถูกมาก พวกเขาจึงตัดสินใจซื้อมัน
บ้านหลังนี้แสนสะดวกสบาย แต่หลังจากย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มสังเกตเห็นดินสอเทียนสีแดงหล่นอยู่ที่โถงทางเดิน แต่ทั้งคู่ไม่มีลูก และไม่มีวี่แววว่ามีคนบุกเข้ามาในบ้าน
ในเวลานั้นพวกเขาเลือกที่จะไม่สนใจ แต่เหตุการณ์แปลก ๆ ที่คล้ายกันก็เริ่มเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนทั้งคู่ตัดสินใจสำรวจบ้านอย่างละเอียดด้วยความอยากรู้
พวกเขาพบว่าบ้านหลังนี้มีโครงสร้างจุดหนึ่งที่ประหลาด ที่ตรงนั้นมันควรจะมีพื้นที่ว่างแต่กลับไม่มีทางเข้า มีเพียงกำแพง
พวกเขารู้สึกถึงบางอย่างที่น่าขนลุก จึงตัดสินใจลอกวอลเปเปอร์ออก และได้เห็นไม้กระดานที่ตอกตะปูปิดสนิท มันดูมีขนาดเท่ากับประตูทางเข้าห้อง
เมื่อพวกเขาพังกระดานเข้าไปด้านใน ทั้งสองก็ได้พบกับห้องที่มีผนังสีแดงอันว่างเปล่า
“ห้องนี้มันคืออะไร?”
ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้กำแพง ทั้งคู่ต่างก็พบกับสิ่งที่ทำให้พูดไม่ออก ผนังไม่ใช่สีแดง แต่มันเต็มไปด้วยตัวอักษรสีแดง
คุณแม่ขอโทษครับขอร้องล่ะปล่อยผมออกไปเถอะ
คุณแม่ขอโทษครับขอร้องล่ะคุณแม่ขอโทษครับปล่อยผมออกไปเถอะคุณแม่ขอโทษครับขอร้องล่ะปล่อยผมออกไปเถอะคุณแม่ขอโทษครับขอร้องล่ะคุณแม่ขอโทษครับปล่อยผมออกไปเถอะคุณแม่ขอโทษครับขอร้องล่ะปล่อยผมออกไปเถอะคุณแม่คุณแม่คุณแม่
おかあさんごめんなさいおねがいだして
okaasan gomennasai onegai dashite

โรงเรียนมัธยมหญิง กับ ห้องเก็บของในโรงยิม
เรื่องเล่าบนอินเทอร์เน็ต – 女子高校と体育倉庫 (joshi koukou to taiiku souko)
เหตุการณ์โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
ในวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมฤดูร้อน ทุกคนมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยความตื่นเต้น และคาดหวังกับช่วงเวลาแสนสนุกในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนอันยาวนานนี้
แต่ในเวลานั้นไม่มีใครรู้ตัวเลยว่ามีเด็กสาวมัธยมปลายคนหนึ่งได้เริ่มต้นวันหยุดฤดูร้อนอันแสนสิ้นหวังในห้องเก็บของที่ชั้นใต้ดินของโรงยิม
เธอถูกครูขอให้ไปทำธุระที่ห้องเก็บของในโรงยิมที่อยู่ชั้นใต้ดิน แต่เมื่อเธอเข้าไปในนั้นภารโรงซึ่งคิดว่าไม่มีใครอยู่ข้างในก็ทำการล็อกประตูตามปกติ
ตัวล็อคเป็นแบบผูกมือจับประตูด้วยโซ่และคล้องแม่กุญแจ ทำให้ไม่สามารถเปิดประตูจากด้านในได้ ครูที่ไหว้วานเด็กสาวไปทำธุระให้ก็กลับบ้านและลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ดังนั้นเธอจึงถูกขังอยู่ตามลำพังในโรงยิมที่มืดมิดอย่างโดดเดี่ยว
วันรุ่งขึ้นพ่อแม่ของเธอขอให้โรงเรียนตรวจค้นเพื่อหาเธอ แต่โรงยิมกลับเป็นจุดบอดอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครมาหาเธอที่นี่
เวลาล่วงเลยผ่านจนถึงวันเปิดเรียนเทอมใหม่ แต่เธอยังคงหายตัวไปอย่างไร้วี่แวว
ในวันเปิดเทอม ครูผู้หญิงคนหนึ่งต้องการใช้ห้องเก็บของในโรงยิม แต่เมื่อเธอเปิดประตูห้องเก็บของ เธอก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
ร่างของเด็กสาวที่หายตัวไปกำลังนอนแน่นิ่งอยู่ที่นั่นในสภาพที่ไม่ดีนัก
อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของชั้นใต้ดิน ทำให้ร่างกายของเธอแห้งเป็นมัมมี่ไปเพียงครึ่งเดียว
ที่ประตูมีแต่ร่องรอยเล็บของเธออยู่นับไม่ถ้วน มันอาจเกิดจากการดิ้นรนที่จะออกไปจากห้องเก็บของแห่งนี้
หรือไม่ก็ทันทีที่เธอได้เตรียมพร้อมสำหรับความตายที่ใกล้เข้ามา จิตใจของเธอก็แหลกสลายจนเป็นบ้าก็ได้
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในตอนกลางคืนผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงขีดข่วนดังมาจากห้องเก็บของชั้นใต้ดินที่ควรจะว่างเปล่า

จากข้างในกำแพง
เรื่องเล่านิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น – 壁の中から (kabe no naka kara)
กาลครั้งหนึ่ง มีชายชราและหญิงชราคู่หนึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเขาทั้งสองได้พูดคุยกันไว้ว่า
“นี่ยายจ๋า ถ้าเราคนใดคนหนึ่งตายไปก่อน ให้เอาร่างอีกฝ่ายมาฝังไว้ในกำแพงบ้านของเราแทนการฝังไว้ในหลุมศพเถอะ เพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“นั่นสินะ และถ้าคนตายส่งเสียงเรียกจากภายในกำแพง คนเป็นก็ต้องตอบกลับด้วย”
และนี่จึงกลายเป็นคำสัญญาของชายชราและหญิงชราคู่นี้
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้นหญิงชราก็ได้จากไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นชายชราจึงนำซากศพของหญิงชรามาฝังไว้ในกำแพงบ้านตามที่เขาสัญญาไว้
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุก ๆ วัน
“ตาจ๋า อยู่หรือเปล่า?”
หญิงชราที่อยู่ในกำแพงส่งเสียงถาม
“เอ้อ ฉันอยู่ตรงนี้”
“กำลังทำอะไรอยู่รึ?”
“ฉันกำลังถักฟางน่ะสิ”
สักพักหญิงชราก็จะถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ตาจ๋า อยู่หรือเปล่า? กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
ชายชราถูกถามคำถามเดิม ๆ ซ้ำ ๆ หลายครั้งต่อวัน และมันก็ยิ่งถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ชายชราคิดสงสัยจะมีใครมาตอบคำถามยายแทนเขาได้บ้างไหม
ในขณะที่ชายชรากำลังถอนหายใจ ก็ได้มีชายนักเดินทางคนหนึ่งเข้ามาทักชายชราเพื่อขอพักค้างคืนที่บ้านสักหนึ่งคืน
เมื่อชายชราได้ยินดังนั้นก็ตอบรับด้วยความยินดีอย่างยิ่ง โดยมีเงื่อนไขว่าเมื่อได้ยินเสียงถามจากในกำแพงว่า ‘ตาจ๋า อยู่หรือเปล่า?’ ให้นักเดินทางตอบไปว่า ‘เอ้อ ฉันอยู่ตรงนี้’ และถ้าถูกถามว่า ‘กำลังทำอะไรอยู่?’ ให้คิดหาคำตอบดี ๆ ตอบกลับไป
นักเดินทางตอบตกลงกับเงื่อนไขโดยไม่คิดอะไรมาก เมื่อเห็นว่านักเดินทางยอมรับข้อเสนอ ชายชราจึงตัดสินใจออกไปดื่มข้างนอก
นักเดินทางที่ถูกขอให้อยู่บ้านก็คอยตอบกลับคำถามจากหญิงชราในกำแพงไปทีละคำถาม แต่เมื่อถูกถามคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเขาก็หมดความอดทน
“หนวกหูจริง ๆ เลย ตาแกออกไปดื่มเหล้าแล้ว!”
นักเดินทางได้พูดความจริงออกไป ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังลั่นจากกำแพง และผีโครงกระดูกที่มีใบหน้าเป็นหญิงชราดูน่ากลัวก็กระโดดออกมาจากในกำแพง
“ตาอยู่ที่ไหน! แกเป็นใครーー!”
ชายนักเดินทางตกใจกลัวมากเสียจนกรีดร้องออกมาไม่เป็นเสียง และวิ่งหนีออกจากบ้านไปเพื่อเอาชีวิตรอด

หากต้องการติดตามข่าวสารญี่ปุ่น คอนเทนต์สนุก ๆ หรือโปรโมชั่นคอร์สเรียนต่าง ๆ สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางด้านล่างครับ
สนใจการเรียนภาษาออนไลน์ สามารถดูคอร์สเรียนโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม ส.ส.ท. ได้ที่ www.tpaeduways.com