หากคุณมีแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น การรู้ภาษาญี่ปุ่นสำหรับไว้ใช้ท่องเที่ยวจะทำให้การเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นสนุกขึ้นอีกมาก เพราะคนญี่ปุ่นก็มีไม่มากนักที่กล้าพูดภาษาอังกฤษกับคนต่างชาติ
และสำหรับคนที่กลัวพูดภาษาญี่ปุ่นผิด กลัวพูดไม่ชัด นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะคนญี่ปุ่นจะพยายามทำความเข้าใจกับเราเอง แต่พยายามออกเสียงให้ดังฟังชัดหน่อยนะ!
คำศัพท์ข้างล่างต่อไปนี้คือคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นสำหรับท่องเที่ยวและประโยคที่แบ่งตามแต่ละสถานการณ์ที่เราอาจได้เจอ หรือเป็นสถานการณ์ที่ได้ใช้แน่เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น มีอะไรบ้างเตรียมจดเลย!
สารบัญเนื้อหา
- ประโยคสำหรับทักทาย ขอบคุณ และขอโทษ

1. พูดทักทายในตอนเช้า
おはようございます。
ohayou gozaimasu / โอะฮาโย โกะไซมัส
แปลว่า 「สวัสดีตอนเช้า」หรือ 「อรุณสวัสดิ์」
เราสามารถพูดสั้น ๆ ว่า おはよう / ohayou / โอะฮาโย ก็ได้ แต่ว่าจะสุภาพน้อยกว่า
2. พูดทักทายในตอนกลางวัน
こんにちは
konnichiwa / คอนนิจิวะ
แปลว่า 「สวัสดีตอนกลางวัน」
เป็นคำพูดทักทายที่คนญี่ปุ่นมักจะใช้กันโดยทั่วไป จะได้ยินบ่อยกว่า「おはようございます 」
3. พูดทักทายในตอนเย็น
こんばんは
konbanwa / คอนบังวะ
แปลว่า 「สวัสดีตอนเย็น」
เป็นคำทักทายเหมือนกับสองข้อข้างบน แต่ก็ไม่ได้ใช้บ่อยเท่าข้อ 2 อย่างสวัสดีตอนกลางวัน
4. เมื่อจะตอบรับ หรือปฏิเสธ
はい 、いいえ
hai / ไฮ 、iie / อีเอะ
แปลว่า 「はい ใช่ (Yes) / いいえ ไม่ (No) 」
ใช้เมื่อเราต้องการตอบรับในบทสนทนา หรือปฏิเสธในสิ่งที่เราไม่ต้องการหรือไม่เข้าใจ
5. พูดขอบคุณ
ありがとうございます。
arigatou gozaimasu / อาริกาโตะ โกะไซมัส
แปลว่า 「ขอบคุณครับ/ค่ะ」
ที่จะได้ใช้อย่างแน่นอนเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น เราสามารถพูดสั้น ๆ ว่า ありがとう / arigatou / อาริกาโตะ ได้เช่นกัน
6. พูดขอโทษเชิงขออนุญาต
すみません。
sumimasen / สุมิมะเซ็น
แปลว่า 「ขอโทษนะ」
เราจะได้ใช้เมื่อต้องการผ่านทางที่มีคนขวางอยู่ หรือจะขอรบกวนผู้อื่น เป็นคำที่จะให้อารมณ์เหมือนคำว่า Excuse me ครับ
- ประโยคนี้จดไว้เผื่อหลงทาง

เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ต้องมีโอกาสที่เราจะหลงทางกันบ้าง ซึ่งถ้าหากเราถามคนญี่ปุ่นด้วยภาษาอังกฤษ ก็มีโอกาสที่เราจะไม่ได้คำตอบ แต่ถ้าเราพูดทักถามคนญี่ปุ่นด้วยภาษาญี่ปุ่น เราก็อาจจะได้รับคำตอบที่ถูกต้องมากกว่าครับ
7. ขอถามทาง
おたずねしてもいいですか。
otazune shite moii desu ka / โอตะซุเนะ ชิเตะ โมะอี้ เดส กะ
แปลว่า 「ขอถามหน่อยได้ไหมครับ/คะ」
อย่างที่เห็นว่าประโยคค่อนข้างยาว แต่เราสามารถพูดทีละท่อนตามที่แบ่งไว้ก็ได้เช่นกัน หรือจะพูดว่า 「すみません」จากข้อที่ 6 ก็ได้
8. เมื่อจะถามว่าสถานที่นี้อยู่ที่ไหน
OOはどこにありますか。
OO wa doko ni arimasu ka / OO วะ โดะโคะ นิ อะริมัส กะ
แปลว่า 「OO อยู่ตรงไหนครับ/คะ」
OO นี้คือจุดที่เราสามารถพูดชื่อสถานที่แทนได้เลย เช่น ห้องน้ำ หรือ ชื่อสถานีรถไฟ
9. ขอให้เปิดแผนที่ให้ดู
地図を見せてもらえませんか。
chizu wo misete moraemasen ka / จิซุ โวะ มิเสะเตะ โมราเอะมะเซ็ง กะ
แปลว่า 「เปิดแผนที่ให้ดูหน่อยได้ไหมครับ/คะ」
พอถามทางไปแล้วคนญี่ปุ่นพูดหรือชี้ไม้ชี้มือเร็วจนเราตามไม่ทัน ก็ใช้ประโยคนี้เพื่อขอให้เขาเปิดแผนที่ให้เราดูได้นะครับ
10. เมื่อต้องการรู้ว่าที่ที่เราอยู่คือที่ไหน
ここはどこですか。
koko wa doko desu ka / โคะโคะ วะ โดะโคะ เดส กะ
แปลว่า 「ที่นี่คือที่ไหนครับ/คะ」
ถ้าเราไม่มั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ประโยคนี้คือตัวช่วยของเราครับ และเมื่อรู้ชื่อสถานที่ที่เราอยู่แล้ว ก็ใช้ประโยคอื่น ๆ ในบทความนี้ถามต่อได้เลย
11. ถ้าต้องการฟังคำตอบซ้ำอีกครั้ง
もう一度お願いします。
mou ichido onegaishimasu / โม่ อิจิโดะ โอะเนไกชิมัส
แปลว่า 「พูดอีกรอบได้ไหมครับ/คะ」
บางทีเมื่อถามคนญี่ปุ่นแล้ว อีกฝ่ายตอบมาแต่เรากลับฟังไม่ทัน ก็ใช้ประโยคนี้เพื่อขอให้เขาพูดให้เราฟังอีกครั้งได้นะครับ
12. ถ้าอยากบอกว่าพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้นะ
日本語は話せません。
nihongo wa hanasemasen / นิฮงโกะ วะ ฮานาเซะมาเซ็น
แปลว่า「 (ผม/ฉัน) พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ครับ/ค่ะ 」
ถ้าเราถามทางแล้วคนญี่ปุ่นพูดรัวไฟแล่บใส่เรา ก็พูดประโยคนี้แล้วตามด้วยประโยคขอให้เขาเปิดแผนที่ให้ดูแทนได้เลย
- ประโยคที่รู้ไว้ดีกว่า เมื่อขึ้นรถไฟ

ก็อย่างที่รู้กันว่าการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้การเดินทางด้วยรถไฟ เพราะมีสถานีอยู่แทบทุกจุด อีกอย่างรถแท็กซี่ของประเทศญี่ปุ่นแพงมากครับ เพราะฉะนั้นประหยัดค่าเดินทางแล้วนำเงินส่วนนั้นไปเป็นค่ากินของเราคงดีกว่า
ดังนั้นเราควรรู้ประโยคที่ใช้บ่อยหรืออาจได้ใช้ในสถานีรถไฟไว้บ้าง เพื่อความอุ่นใจของตัวเราเอง มีประโยคไหนบ้าง เตรียมจดไว้ใช้ตอนเที่ยวญี่ปุ่นนะครับ
13. ถามหาเครื่องขายตั๋ว
切符売り場はどこですか。
kippu uriba wa doko desu ka / คิปปุ อุริบะ วะ โดะโคะ เดสกะ
แปลว่า 「ที่ขายตั๋วอยู่ตรงไหนครับ/คะ」
การจะขึ้นรถไฟเราก็ต้องมีตั๋วก่อน ซึ่งเราจะซื้อจากเครื่องจำหน่ายตั๋ว หรือเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตรงที่ขายตั๋วก็ได้เช่นกัน ถ้าจะซื้อจากเจ้าหน้าที่ขายตั๋วก็ให้พูดด้วยประโยคด้านล่างครับ
14. ขอซื้อตั๋วรถไฟ
OOまでの切符をください。
OO made no kippu wo kudasai / OO มะเดะ โนะ คิปปุ โวะ คุดาไซ
แปลว่า 「ขอตั๋วที่ไป OO หน่อยครับ/ค่ะ」
ตรง OO นี้จะใส่เป็นชื่อเมืองหรือชื่อจุดที่เราจะไปก็ได้ครับ แต่เพื่อความแม่นยำ บอกเป็นชื่อสถานีที่ต้องลงเลยจะดีที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าลืมหาข้อมูลการเดินทางก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่นนะ
15. อยากไปสถานที่นี้แต่ไม่รู้ว่าต้องลงสถานีไหน
OOにはどう行けばいいですか。
OO ni wa dou ikebaii desu ka / OO นิ วะ โด้ อิเคะบะอี้ เดส กะ
แปลว่า 「 (ฉัน/ผม) จะไปที่ OO ได้อย่างไรครับ/คะ 」
จากข้อข้างบนเมื่อจะไปซื้อตั๋วแต่เราก็ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของเราต้องลงสถานีอะไร ก็ใช้ประโยคนี้ถามเจ้าหน้าที่บริเวณจุดขายตั๋วได้เลยนะ แล้วเราก็เดินตามป้าย หรือเลขชานชาลาที่เจ้าหน้าที่บอกได้เลย
16. อยากรู้ว่ารถไฟขบวนนี้ไปสถานีที่ต้องการจะลงไหม
この電車はOOに行きますか 。
kono densha wa OO ni ikimasu ka / โคะโนะ เดนฉะ วะ OO นิ อิคิมัส กะ
แปลว่า「รถไฟขบวนนี้ไป OO ไหมครับ/คะ」
ก็รถไฟของญี่ปุ่นมีหลายขบวน หลายสายเสียเหลือเกิน เพราะฉะนั้นระหว่างรอที่ชานชาลา ก็ลองถามคนญี่ปุ่นแถว ๆ นั้นดูด้วยคำถามนี้ได้นะครับ ถ้าเขาไม่ตอบว่า いいえ กลับมาก็โล่งใจได้ มาถูกชานชาลาแล้ว
17. อยากรู้ว่าสถานีนี้ชื่ออะไร
ここは何駅ですか。
koko wa nan eki desu ka / โคะโคะ วะ นัน เอกิ เดสกะ
แปลว่า「ที่นี่สถานีอะไรหรือครับ/คะ」
ถ้าไม่มั่นใจว่าสถานีที่รถไฟจอดนี้ใช่สถานีที่เราจะลงไหม ก็ลองถามคนญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ ๆ ดู และเมื่อมั่นใจว่าใช่ ก็พูดว่า 「降ります / Orimasu / โอริมัส」ที่แปลว่า 「จะลงครับ/ค่า」ในกรณีที่ลงไฟคนเยอะ เบียดกันจนแน่น คำนี้เป็นการขอทางลงหรือไม่ก็ใช้ประโยคจากข้อ 6 ก็ได้เช่นกัน
- ประโยคใช้เช็คอินโรงแรม

18. เวลาจะเช็คอินหรือเช็คเอาท์
チェックイン (チェックアウト) をお願いします。
checkkuin (checkkuoutto) wo onegaishimasu / เช็คคุอิน (เช็คคุเอ้าโตะ) โวะ โอะเนไกชิมัส
แปลว่า「เช็คอิน (เช็คเอาท์) ครับ/ค่ะ」
19. อาบน้ำห้องน้ำสาธารณะเปลี่ยนบรรยากาศ
大浴場はどこですか。
daiyokujou wa doko desu ka / ไดโยคุโจ วะ โดะโคะ เดส กะ
แปลว่า「ห้องน้ำสาธารณะอยู่ที่ไหนหรือครับ/คะ」
ไปญี่ปุ่นทั้งทีจะอาบน้ำในห้องน้ำคนเดียวเหงา ๆ ก็เหมือนไปไม่ถึง ลองไปห้องอาบน้ำสาธารณะที่แปลคำนี้แบบตรงตัวว่า “ห้องอาบน้ำขนาดใหญ่” ดูสิครับ เราจะได้มีประสบการณ์แช่น้ำกับคนญี่ปุ่นอีกมากหน้าหลายตาเลยนะ
20. ถามหาร้านอาหารใกล้ ๆ โรงแรมที่คนญี่ปุ่นแนะนำ
近くにおすすめのレストランはありますか。
chikaku ni osusume no resutoran wa arimasu ka / จิคาคุ นิ โอะสุสุเมะ โนะ เรสุโตะรัน วะ อะริมัส กะ
แปลว่า「แถวนี้มีร้านอาหารแนะนำบ้างไหมครับ/คะ」
สามารถใช้ถามกับพนักงานโรงแรมได้เลย บางทีเราอาจจะได้เจอกับร้านลับที่คนต่างชาติไม่ค่อยรู้จักก็ได้นะครับ แล้วก็อย่าลืมขอให้เขาชี้จุดบนแผนที่ให้ดูด้วยนะ!
21. ถ้าเผลอลืมกุญแจไว้ในห้อง
部屋にかぎを忘れました。
heya ni kagi wo wasuremashita / เฮะยะ นิ คากิ โวะ วะสุเระมะชิตะ
แปลว่า「(ฉัน/ผม) ลืมกุญแจไว้ในห้องครับ/ค่ะ」
ใช้ในสถานการณ์ที่เราทิ้งกุญแจไว้ในห้อง แล้วประตูมันเป็นล็อคแบบอัตโนมัติ สามารถใช้ประโยคนี้บอกกับพนักงานโรงแรมได้เลยครับ
- ประโยคเมื่อจะสั่งอาหารที่ร้านอาหาร

เมื่อถามพนักงานโรงแรมเรื่องร้านอาหารแล้ว เราก็ต้องรู้ประโยคสำหรับใช้ในร้านอาหารไว้บ้าง เพื่อที่จะได้สั่งอาหารได้อย่างราบรื่น แถมหลาย ๆ คนไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เพื่อลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นจดเอาไว้ด้วยนะ
22. ขอเมนูจากพนักงาน
メニューをください。
menuu wo kudasai / เมนู โวะ คุดาไซ
แปลว่า「ขอเมนูหน่อยครับ/ค่ะ」
ตอนเข้าร้านอาหารแค่ชูนิ้วตามจำนวนคนก็ได้โต๊ะแล้ว แต่ตอนขอเมนูจะยกมือชูนิ้วคงไม่ได้ เพราะพนักงานคงไม่เข้าใจ ดังนั้นอย่าลืมจดประโยคนี้ไว้ด้วยนะครับ
23. ถามหาเมนูแนะนำ
おすすめのメニューはどれですか。
osusume no menuu wa dore desu ka / โอะสุสุเมะ โนะ เมนู วะ โดะเระ เดส กะ
แปลว่า「เมนูไหนเป็นเมนูแนะนำของร้านหรือครับ/คะ」
บางครั้งดูรูปหรือชื่อก็เดาไม่ออกว่าอร่อยไหม ก็ใช้วิธีง่าย ๆ ถามพนักงานร้านเลยครับว่าเมนูไหนเป็นเมนูแนะนำ
24. อยากสั่งอาหาร
注文をお願いします。
chuumon wo onegaishimasu / จูมง โวะ โอะเนไกชิมัส
แปลว่า「ขอสั่งอาหารครับ/ค่ะ」
ตอนที่อยากสั่งอาหารบางครั้งแค่ยกมือพนักงานก็เดินมาแล้วครับ แต่ถ้าช่วงนั้นคนเยอะบางทีพนักงานก็อาจมองได้ไม่ทั่วถึง เพราะฉะนั้นส่งเสียงเรียกไว้จะได้สั่งอาหารเร็วกว่านะ
25. สั่งอาหารโดยไม่พูดชื่ออาหาร
これをお願いします。
kore wo onegaishimasu / โคเระ โวะ โอะเนไกชิมัส
แปลว่า「เอาอันนี้ครับ/ค่ะ」
บางทีชื่ออาหารก็พูดยากเหลือเกิน หรือไม่บางครั้งก็มาแบบตัวคันจิที่เราอ่านไม่ออก งั้นก็ใช้นิ้วชี้แล้วพูดตามประโยคนี้เลย!
และเมื่อเราได้อาหารแล้ว หากอยากได้อารมณ์แบบญี่ปุ่นให้ครบ ก็อย่าลืมพูด「いただきます/ Itadakimasu / อิทาดะคิมัส」ด้วยนะครับ โดยประโยคนี้หากแปลตามสถานกาณ์ก่อนทานอาหารก็จะแปลได้ว่า “จะทานแล้วนะครับ”
26. ขอเติมน้ำ หรืออยากได้น้ำดื่ม
お水をお願いします。
o mizu wo onegaishimasu / โอะ มิซุ โวะ โอะเนไกชิมัส
แปลว่า「ขอน้ำดื่มครับ/ค่ะ」
ประโยคนี้ยังไงก็ได้ใช้แน่นอนเมื่อไปร้านอาหารครับ นอกเสียจากว่าร้านนั้นเป็นร้านแบบบริการน้ำดื่มด้วยตัวเอง
27. ถามหาห้องน้ำ
トイレはどこですか。
toire wa doko desu ka / โทอิเระ วะ โดะโคะ เดส กะ
แปลว่า「ห้องน้ำอยู่ตรงไหนครับ/คะ」
บางครั้งอยู่ในร้านอาหารก็ต้องมีอยากเข้าห้องน้ำกันบ้าง นอกจากนี้ประโยคนี้ยังสามารถใช้ที่สถานีรถไฟ ห้างสรรพสินค้า หรือที่ไหน ๆ ก็ได้นะครับ
28. เรียกเช็คบิล เก็บเงิน
お会計をお願いします。
okaikei wo onegaishimasu / โอะไคเค โวะ โอะเนไกชิมัส
แปลว่า「คิดเงินหน่อยครับ/ค่ะ」
แน่นอนว่าเราจะใช้ประโยคนี้ตอนที่ทานเสร็จแล้ว หรือบางร้านเราก็สามารถเดินถือบิลไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ได้เลย แต่เราก็สามารถพูดประโยคนี้ที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เหมือนกันนะ
- ประโยคสำหรับใช้ขอหรือถามเรื่องถ่ายรูป

เวลาเราไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือไปเที่ยวที่อื่น ๆ ก็ต้องมีการถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ รูปผู้คนที่แต่งตัวในงานอีเวนต์ รูปสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงรูปตัวเราถ่ายคู่กับจุดถ่ายรูปยอดนิยมใช่ไหมครับ แต่บางที่ก็มีจุดห้ามถ่ายรูป หรือถ้าเราไปคนเดียวแล้วอยากถ่ายรูปตัวเอง ก็คงต้องให้คนแถวนั้นช่วยถ่ายให้ ดังนั้นประโยคข้างล่างนี้ต้องจดไว้ให้ดี ๆ นะ!
29. ถามว่าขอถ่ายรูปได้ไหม
写真を撮ってもいいですか。
shashin wo totte moii desu ka / ฉะชิน โวะ ทตเทะ โมะอี้ เดส กะ
แปลว่า「ขอถ่ายรูปได้ไหมครับ/คะ」
ไว้ใช้ถามเมื่อเราต้องการยืนยันว่าสถานที่นี้ถ่ายรูปได้ไหม หรืออยากขอคนที่แต่งคอสเพลย์ หรือชุดกิโมโนถ่ายรูป และที่สำคัญถ้าเจอจุดที่ห้ามถ่ายรูปก็อย่าดื้อนะ เดี๋ยวจะเป็นปัญหาได้
30. ขอคนอื่นให้ช่วยถ่ายรูปให้เรา
写真を撮ってもらえませんか。
shashin wo totte moraemasen ka / ฉะชิน โวะ ทตเทะ โมะระเอะมะเซ็ง กะ
แปลว่า「ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมครับ/คะ」
สำหรับใช้พูดเพื่อขอให้อีกฝ่ายมาช่วยถ่ายรูปให้กับเรา
- ประโยคได้ใช้เมื่อไป Shopping

ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องช้อป ก็เครื่องประดับ เสื้อผ้า และของตกแต่งเขาน่ารักเสียขนาดนี้ ไปแล้วไม่ซื้อก็เสียเที่ยวแย่ แต่ร้านค้าบางร้านพนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากช้อปปิ้งอย่างสบายใจ ก็อย่าลืมจดประโยคข้างล่างไปด้วยนะ
31. ขอดูของในตู้โชว์
これを見せてください。
kore wo misete kudasai / โคะเระ โวะ มิเสะเตะ คุดะไซ
แปลว่า「ขอดูชิ้นนี้หน่อยครับ/ค่ะ」
เวลาเจอของถูกใจอยู่ในตู้โชว์ แล้วอยากลองดูใกล้ ๆ หรืออยากลองจับ ก็ใช้ประโยคนี้บอกพนักงานร้านได้เลย
32. ขอลองเสื้อผ้า
試着してもいいですか。
shichaku shite moii desu ka / ชิจะคุ ชิเตะ โมะอี้ เดส กะ
แปลว่า「ขอลองชุดหน่อยครับ/ค่ะ」
เจอชุดสวยถูกใจแล้วอยากลองใส่ว่าขนาดพอดีกับตัวเราไหม ก็สามารถหยิบชุดนั้นแล้วถามด้วยประโยคนี้กับพนักงานได้เลย
33. ถามราคาสินค้า
いくらですか。
ikura desu ka / อิคุระ เดส กะ
แปลว่า「ราคาเท่าไหร่ครับ/คะ」
ร้านมือสองบางร้านก็มักลืมติดป้ายราคา หรือไม่ก็ร้านญี่ปุ่นเก่า ๆ บางร้านก็เขียนราคาด้วยตัวอักษรคันจิทำให้เราไม่เข้าใจ ก็สามารถใช้ประโยคนี้ถามได้นะครับ เดี๋ยวร้านจะกดเครื่องคิดเลขหรือไม่ก็เขียนให้เราดูเองครับ
34. ถามว่าจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ไหม
クレジットカードでいいですか。
kurejitto kado de iidesu ka / คุเระจิตโตะ คาโดะ เดะ อี้ เดส กะ
แปลว่า「ใช้บัตรเครดิตได้ไหมครับ/คะ」
เวลาที่อยากใช้บัตรเครดิตจ่ายมากกว่าเงินสด เพราะในบางครั้งเรทค่าเงินที่จ่ายจากบัตรเครดิตก็ถูกกว่าจ่ายด้วยเงินเยน ถ้าไม่รู้ว่าร้านเล็ก ๆ จะสามารถใช้บัตรเครดิตได้ไหม ก็สามารถใช้ประโยคนี้ถามพนักงานร้านได้เลย
สรุปคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นสำหรับท่องเที่ยว
และนี่คือ 34 คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นสำหรับท่องเที่ยวที่จะได้ใช้แน่เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับคนที่มีแผนจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นก็อย่าลืมจดเอาไว้ใช้กันนะครับ ส่วนถ้าใครยังอยากรู้คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นสำหรับใช้ท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มเติม ก็สามารถอ่านได้ที่บทความ คำศัพท์และประโยคสำหรับการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น EP1 และ EP2 ต่อได้เลยนะครับ
หรือถ้าต้องการเรียนภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีผมขอแนะนำ อยากเรียนภาษาญี่ปุ่น เริ่มต้นเรียนยังไงดี? ครับ และสำหรับผู้ที่อยากฝึกภาษาด้วยตัวเอง ผมขอแนะนำบทความ รวมแอปฝึกภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ครับ
หากต้องการติดตามข่าวสารญี่ปุ่น คอนเทนต์สนุก ๆ หรือโปรโมชั่นคอร์สเรียนต่าง ๆ ก็สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางด้านล่างครับ
สนใจการเรียนภาษาออนไลน์ สามารถดูคอร์สเรียนโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม ส.ส.ท. ได้ที่ www.tpaeduways.com